เรื่องของกาแฟกับ GI (Geographical Indication)


        เหตุที่ทำให้เกิดบทความนี้ขึ้นมาก็เป็นเพราะว่า ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนผมได้ไปเดินในงานแสดงสินค้าที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ซื้อเมล็ดกาแฟจากผู้ขายสองสามเจ้ากลับมาด้วย หนึ่งในนั้นก็มีกาแฟดงมะไฟ ซึ่งในตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้หรอกว่ามีกาแฟจากแหล่งกำเนิดนี้อยู่ด้วย เมื่อนำกลับมาชงดื่มที่บ้านก็รู้สึกติดใจในรสชาติอยู่พอสมควร ดีที่ผมได้ถ่ายรูปหน้าซองเก็บเอาไว้ด้วย แต่มันก็ไม่ค่อยจะชัดซักเท่าไหร่ เพราะว่าเขาทำฉลากและตัวหนังสือตัวเล็กมาก อยากจะสั่งมาชงดื่มใหม่ เลยได้ค้นหาจาก Google ดู ก็ได้เจออยู่เจ้าหนึ่ง แต่พอเห็นราคาขายแล้วทำให้รู้สึกว่า เอาไว้ก่อนดีมั้ย รอให้ไปชิมจากแหล่งอื่นๆให้ครบทั่วทั้งประเทศก่อนแล้วค่อยวกกลับมาทบทวนความทรงจำกันใหม่จะดีกว่ามั้ย ก็เลยปล่อยให้มันเลยผ่านไป หนึงปีต่อมาก็คิดจะสั่งอีก ลองเข้าไปส่องดูใหม่เผื่อว่าราคาเขาจะลดลงมาบ้าง ปรากฎว่ามีราคาขายอยู่ที่ 1,000 บาท/500 กรัม ซึ่งในแง่ของผู้ประกอบการนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของคนไทย ตลอดจนยกระดับออกสู่ตลาดโลกก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แน่นอนว่าราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการจะเห็นสมควรว่าเขาควรจะตั้งไว้ที่ประมาณใหน แต่ในแง่มุมของผู้บริโภคนั้น ผมมีความรู้สึกว่ามันแพงมากเลย ด้วยความสงสัยอีกว่าทำใมตอนที่ผมซื้อในครั้งแรกนั้นมันถึงไม่ได้มีความรู้สึกว่าแพงขนาดนี้ จึงได้เข้าไปอ่านดูใหม่ เลยได้เห็นว่ารูปโลโก้ที่หน้าเว็บ กับฉลากหน้าซองที่ผมได้ถ่ายรูปเอาไว้นั้นมันดูจะแตกต่างกันมากเหลือเกิน จึงได้ค้นดูไปเรื่อย จึงมาเจอคำว่า GI (Geographical Indication) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นตราของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ออกให้แก่ผู้ผลิตสินค้า GI เพื่อรับรองว่าเป็นสินค้าที่มาจากแหล่งภูมิศาสตร์ที่ได้รับขึ้นทะเบียนไว้



        ทำให้คิดว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ถึงทำให้เจ้าที่ผมเคยซื้อมาไม่สามารถลงสื่อออนไลน์ได้ จึงกลับไปดูฉลากใหม่ อ้าวเขาก็มีตรา GI เหมือนกันนี่นา แล้วทำใมหละ หรือตรามันมีหมดอายุ แล้วโดนเจ้าอื่นเขาชิงจดทะเบียนตัดหน้าไปหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นแบบนี้ใครหละครับที่จะสามารถใช้ชื่อนี้ขายได้บ้าง เกษตรกรผู้ที่ปลูกจะไม่สามารถใช้ชื่อถิ่นภูมิศาสตร์ของตัวเองขายได้เลยใช่ใหม หากไม่ไปขอขึ้นทะเบียน แล้วจะยังไงต่อหละ ต้องให้ขายผ่านเจ้าที่เขาไปขึ้นทะเบียนไว้แล้วเท่านั้นหรือ และแล้วความสงสัยมันก็ขยายออกไปเรื่อย โน่น นี่ นั่น ไปทั่วเลย จึงได้เปิดดูเว็บของกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปเรื่อยๆถึงได้พอเข้าใจบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับกระจ่างแจ้งนักจึงได้ก๊อปปี้ตารางรายชื่อนี้มาให้ดูกัน

ตารางรายชื่อผู้ได้รับตรา GI ในชื่อ กาแฟดงมะไฟ
   


        จากตารางข้างบนนี้จะเห็นว่าผู้ที่ได้รับตรา GI ในชื่อกาแฟดงมะไฟนั้นสามารถมี หรือสามารถนำไปใช้กันได้หลายคนหรือหลายกลุ่ม และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อตัวแทนของกลุ่มวิสาหกิจที่ผมเคยซื้อรวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ในสื่ออินเตอร์เน็ตนั้นน่าจะมีเจ้าเดียวที่สามารถนำตัวเองเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคออนไลน์ได้ ส่วนเจ้าอื่นๆนั้นคงทำการตลาดไปในแบบออฟไลน์ หรือทำออนไลน์ไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะเป็นไปได้


รายชื่อที่เผยแพร่เมื่อ 1 ก.ค. 2562



        จากรูปแสดงรายชื่อ 111 สินค้า GI ไทย จะเห็นว่ามีประเภทกาแฟซึ่งถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของอาหาร ซึ่ง ณ วลาที่เอกสารรูปนี้เผยแพร่ออกมามีกาแฟอยู่ 7 เจ้านั่นคือ กาแฟดอยตุง, กาแฟดอยช้าง, กาแฟเขาทะลุ, กาแฟดงมะไฟ, กาแฟเทพเสด็จ, กาแฟเมืองกระบี่ และกาแฟวังน้ำเขียว

        นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งทีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ริเริ่มทำโครงการนี้ออกมา ซึ่งการรับรอง GI นี้เป็นการรับรองและให้ความคุ้มครองสินค้าภายในประเทศ คือคุ้มครองสินค้าไทยในไทย และยังมีสินค้านอกในไทยด้วย ส่วนทางด้านการคุ้มครองสินค้าไทยในต่างประเทศนั้น ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีการขยายออกไปบ้าง แต่ก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้น เพราะมันน่าจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร เช่นว่าจะไปจดทีประเทศใดบ้าง และประเทศใดจะคุ้มครองอะไรบ้าง เป็นต้น

ความคิดเห็น